เนบูคัดเนสซาร์ที่ 2 (
ฮีบรู: נְבוּכַדְנֶצַּר;
กรีกโบราณ: Ναβουχοδονόσωρ;
อารบิก: نِبُوخَذنِصَّر ) ทรงเป็นกษัตริย์แห่งจักรวรรดิกรุงบาบิโลนใหม่ ระหว่างปี 605 ถึง 562 ก่อนคริสตกาล จักรวรรดิกรุงบาลิโลนในยุคของพระองค์เป็นอาณาจักรที่เรืองอำนาจมาก โดยมีอาณาเขตตั้งแต่
ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปจนถึง
ทะเลแดงและ
อ่าวเปอร์เซีย กองทัพของพระองค์มีชัยเหนืออียิปต์ ตลอดจนเข้าทำลายกรุงเยรูซาเลมและกวาดต้อนชาวอิสราเอลไปยังกรุงบาบิโลน กรุงบาบิโลนของพระองค์เป็นมหานครใหญ่ที่สุดใน
ตะวันออกกลาง[2] สิ่งก่อสร้างมหึมาของโลกยุคโบราณหลายแห่งถูกสร้างขึ้นในยุคของพระองค์ อาทิ
สวนลอยบาบิโลนคัมภีร์ไบเบิลมักจดจำพระองค์ในฐานะผู้ทำลาย
พระวิหารซาโลมอนในกรุงเยรูซาเลมและเป็นผู้เริ่มต้นยุคเชลย (ยุคที่ชาวยิวตกเป็นเชลยของบาบิโลน) หนังสือเยเรมีย์เรียกพระองค์ว่า "ผู้ทำลายประชาชาติ"
[3] พระองค์ยังเป็นบุคคลสำคัญที่ถูกกล่าวถึงใน
หนังสือดาเนียลตามบันทึกที่ปรากฏใน
หนังสือดาเนียลระบุว่า วันหนึ่ง ขณะที่พระองค์ทอดพระเนตรกรุงบาบิโลนจากบนดาดฟ้าของวัง พระองค์ก็ตรัสว่า "ดูเมืองที่เราสร้างสิ สวยงามอะไรอย่างนี้ เราคือผู้ยิ่งใหญ่!" ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นว่า "เนบูคัดเนสซาร์! เจ้าไม่ได้ปกครองอาณาจักรนี้แล้ว"
พระเจ้าได้ริบรอนอำนาจและสติปัญญาของเนบูคัดเนสซาร์ เนบูคัดเนสซาร์ทำตัวเหมือนสัตว์และถูกเนรเทศจากวังไปอยู่กับสัตว์ในป่า ผมของเนบูคัดเนสซาร์ยาวเหมือนขนนกอินทรีและเล็บของเขายาวเหมือนกรงเล็บของนก เมื่อครบเวลาเจ็ดกาล (มักถูกตีความเป็นเจ็ดปี) เนบูคัดเนสซาร์ก็กลับมาเป็นปกติ พระเจ้าให้เขากลับมาครองบัลลังก์บาบิโลนอีกครั้ง (เชื่อว่าเรื่องนี้มาจากความแค้นของชาวยิวที่ถูกพระองค์ทำลายอาณาจักรยูดาร์และลดขั้นให้เป็นทาส) คำว่า "เนบูคัดเนสซาร์" นั้นเป็น
ภาษาแอกแคด มีความหมายว่า "ขอองค์
เนโบโปรดพิทักษ์ซึ่งโอรสแรกแห่งข้า" ซึ่งเนโบนั้นคือเทพแห่งปัญญาผู้เป็นบุตรของเทพมาร์ดุกในศาสนาบาบิโลนเทวนิยม
[4][5] บางครั้งพระองค์ก็เป็นที่รู้จักในชื่อ บาคัตนาซาร์ ซึ่งมีความหมายว่า "ผู้มีชัยเหนือโชคชะตา"